1. สิ่งมีชีวิตเทียม
ในปี 2010 นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งในประกาศว่า พวกเขาได้สร้างสิ่งมีชีวิตเทียมสำเร็จเป็นครั้งแรก ส่วนที่น่าเป็นห่วงก็คือพวกเขากำลังเล่นบทพระเจ้าด้วยการหวังว่า สิ่งมีชีวิตเทียมที่พวกเขาสร้างขึ้นจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บ มลพิษ และความปลอดภัยต่อชีวิตมนุษย์
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของการสร้างสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่ในธรรมชาติขึ้นมาอาจรุนแรงกว่าที่คิด พวกมันอาจรุกรานสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมถึงมนุษย์เราเอง และเราไม่มีทางคาดเดาถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตที่เราไม่เข้าใจได้เลย
2. เพาเวอร์สูทแห่งอนาคต (Exoskeletons)
นี่คือเทคโนโลยีชุดสูทที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮดรอกลิก มีเซ็นเซอร์ติดตามระบบประสาทเพื่อสั่งการให้ชุดเคลื่อนไหวเพื่อเพิ่มความสามารถทางร่างกายได้มากขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ถึงขั้นปลุกพลังกล้ามเนื้อให้เหนือมนุษย์ก็ตาม แต่มันก็เคยถูกใช้กับนักกีฬาพิการให้สามารถเตะลูกฟุตบอลได้ ในพิธีเปิดฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งหากมันถูกใช้ไปในทางการแพทย์เองก็จะไม่มีปัญหาใดๆ เลย เว้นเสียแต่ว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำไปใช้ทางการทหาร
และผลกระทบต่อไปในอนาคตก็คือ หากมันถูกนำไปใช้กับบุคคลที่มีสุขภาพดีในการเพิ่มความสามารถทางด้านร่างกายในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยอำนวยความสะดวก การใช้เพื่อการทำงานด้านแรงงาน หรือแม้แต่ด้านกีฬา มนุษย์เองอาจมีพละกำลังที่ถดถอยลง การใช้หุ่นเป็นเครื่องทุ่นแรงอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับในระยะยาว
3. การผ่าตัดเปลี่ยนหัว
เซอร์จิโอ คานาเวโร ศัลยแพทย์ชาวอิตาลีที่อ้างว่าตัวเขาสามารถผ่าตัดเปลี่ยนหัวและเชื่อมไขสันหลังของหนูกับระบบประสาทได้สำเร็จ โดยผลการทดลองออกมาน่ายินดี เพราะหนูรอดชีวิตจากการผ่าตัด และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติในอีกราว 4 สัปดาห์ให้หลัง และลำดับถัดไปก็คือการผ่าตัดเปลี่ยนหัวมนุษย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก
แต่ก็มีประเด็นด้านจริยธรรมตามมาอีกเช่นกันสำหรับไอเดียนี้ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสมองจะปฏิเสธร่างกายใหม่ของคนไข้หรือไม่ และการกินยากดภูมิคุ้มกันที่ต้องใช้ก็มีผลข้างเคียงที่อันตรายอย่างมาก รวมไปถึงโรคกระดูกพรุน กล้ามเนื้ออ่อนแอ น้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายใหม่อาจสร้างบาดแผลทางใจให้กับผู้ป่วย รวมถึงผู้ที่ต้องการบริจาคอวัยวะอีกด้วย
4. เชื้อโรคที่แข็งแกร่งขึ้น
เชื้อโรคร้ายแรงเป็นสิ่งที่อันตรายและควบคุมได้ยาก โดยทางทำเนียบขาวเองก็เริ่มพิจารณาเงินลงทุนสำหรับงานวิจัยที่มีโอกาสทำให้เชื้อโรคเหล่านี้มีความอันตรายมากยิ่งขึ้น และนั่นทำให้การวิจัยหลายแห่งได้ถูกระงับลงในปี 2014 เนื่องจากมีอุบัติเหตุที่น่ากลัวเกิดขึ้นในห้องทดลองหลายครั้ง การทดลองไวรัสที่ร้ายแรงหลายอย่าง เช่น ไข้หวัดใหญ่ ซาร์ส เมอร์ส ถูกยกเลิกเพราะการศึกษาเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อสถานะความปลอดภัยของมนุษย์อย่างร้ายแรง ในกรณีที่มันถูกศึกษาเพื่อเพิ่มความสามารถในการเผยแพร่และเพิ่มระดับความรุนแรง
ลองนึกภาพว่าถ้าเกิดพวกซุปเปอร์เชื้อโรคเหล่านี้หลุดออกมาจากห้องทดลองไม่ว่าจะโดยบังเอิญหรือตั้งใจ และดันถูกนำไปใช้ก่อการร้ายเข้า นั่นอาจเป็นหายนะครั้งใหญ่ของโลกที่สามารถคร่าชีวิตผู้คนนับล้านได้ไม่ยาก
5. ยาเสน่ห์
ความรักเป็นเรื่องที่เข้าใจยากและไม่มีใครจะไปควบคุมความรักได้ แต่นักวิทยาศาตร์บางคนพยายามที่จะควบคุมความรักด้วยการใช้ “ยาเสน่ห์” หรือเรียกให้คนไทยเข้าใจง่ายๆ ว่า “น้ำมันพราย” โดยสิ่งที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ก็คือฮอร์โมนอ๊ออกซิโตซิน (Oxytocin) หรือฮอร์โมนแห่งความผูกพัน ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างยาเสน่ห์ของจริงขึ้นมาได้
แต่ถ้าการทดลองเกิดขึ้นมาได้จริงๆ ล่ะก็ แน่นอนว่ามันจะมีผลต่อจริยธรรมของมนุษย์อย่างมาก เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องหากเราต้องบังคับใครให้มารักเรา แถมมันยังเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล จนถึงอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด และกลายเป็นยาที่ถูกหมายหัวว่าเป็นยาข่มขืนได้นั่นเอง