10การทดลองสุดเพี้ยน
1. Britches
เป็นลิงที่ถูกพรากมาจากแม่ของมันตั้งแต่ยังเล็กๆ เพื่อนำไปทดลองในโครงการอุปกรณ์โซนาร์เพื่อคนตาบอดของมหาวิทยาลัย California ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติดีแต่มันเกิดปัญหาเดียวนั้นก็คือเจ้าลิงน้อยมันไม่ได้ตาบอดนี่สิ นักวิทยาศาสตร์จึงแก้ปัญหา โดยการเย็บตาลิงน้อยเพื่อให้มันมองไม่เห็น (แบบนี้ก็ได้หรอ) และหลังจากทำการทดลองเสร็จสิ้นแล้วเจ้าลิงน้อยได้ถูกนำไปเลี้ยงในองค์กรช่วยเหลือสัตว์ Animal Liberation Front ในปี 1985
2. Project MKUltra
ในปี 1950 นักวิทยาศาสตร์ในสังกัดของ CIA ต้องการที่จะทำการทดลองการควบคุมจิตใจเพื่อใช้ในสงครามเย็นที่เริ่มจะก่อตัวขึ้น โดยการใช้ยา LSD, การช็อตไฟฟ้า, และการใช้เสียงกรอกหูแบบซ้ำๆ แต่ผลการทดลองส่วนมากโดนทำลายไปในช่วงเหตุการณ์ Watergate ทั้งนี้ยังพบหลักฐานว่าทางรัฐบาลบังคับให้ผู้ต้องสงสัยเสพยาเสพติดเพื่อทำการสอบสวนอีกด้วย
3. Criminal Testicle Transplants
Leo Stanley เป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์แห่งเรือนจำ San Quentin เขาเชื่อว่าผู้ชายมักจะก่ออาชญากรรมเพราะว่ามีฮอร์โมนเพศชายน้อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงพิสูจน์ทฤษฎีของเขา โดยติดอัณฑะเพิ่มเข้าให้กับนักโทษชายมันซะเลยเพื่อเป็นการเพิ่มฮอร์โมน แถมในบางครั้ง อัณฑะของมนุษย์มีไม่เพียงพอ เขาก็จะใช้อัณฑะของสัตว์แทน คิดได้ไงเนี่ย
4. Skin Hardening
Skin Hardening เป็นหนึ่งในโครงการทดลองทางทหาร โดยความพยายามที่จะทำให้ผิวหนังแข็งแกร่งขึ้น นักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ Alber Kligman จึงรับอาสาทำการทดลองนี้กับนักโทษโดยการฉีดสารเคมีอันตรายลงไปในตัวนักโทษ แต่โชคร้าย เขาไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่ ซึ่งนักโทษที่โดนฉีดสารเคมีเข้าไปนั้นเกิดแผลพุพองแล้วยังมีแผลเป็นทั่วร่างกาย และเสียชีวิตในที่สุด สงสัยจะได้ไอเดียมาจาก Fantastic Four แน่นอน
5. The Stanford Prison Experiment
เป็นการทดลองเพื่อศึกษาทางจิตวิทยาของนักโทษและผู้คุม โดยผู้ทดลองจะถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มเแรกคือ พวกที่รับบทเป็น ผู้คุม และอีกพวกหนึ่งรับบทเป็น นักโทษ โดยเหล่าผู้คุมจะถูกสั่งให้ทำการทารุณนักโทษอย่างซาดิส และไร้กฎเกณฑ์ อย่างเช่น บังคับให้นักโทษแก้ผ้าเต้น และนอนบนพื้นคอนกรีตร้อนๆ เมื่อนักโทษโดนทารุณมากๆ จนเกิดภาวะความเจ็บป่วยทางอารมณ์และจิตใจ ก็จะถูกนำออกจากโปรแกรม
6. The Milgram Obedience Experiment
เป็นการทดลองทางจิตวิทยารูปแบบหนึ่ง โดยผู้เข้าร่วมการทดลองจะต้องกดปุ่ม ซึ่งส่งกระแสไฟฟ้าไปช็อตคนที่อยู่อีกห้องหนึ่ง แต่ความจริงแล้วคนที่อยู่อีกห้องไม่ได้ถูกช็อตไฟฟ้าจริงๆ เขาแค่แกล้งร้องไปอย่างงั้นเอง แน่นอนผู้เข้าร่วมการทดลองไม่รู้ ผู้ทดลองจะถูกบอกว่า ต้องช็อตไปเรื่อยๆ ซึ่งปริมาณไฟฟ้าก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย จนกระทั่งอีกฝ่ายหมดสติไป สิ่งที่น่าตกใจคือ 65% ของผู้เข้าร่วมการทดลองยังคงกดปุ่มไปเรื่อยๆ แม้ว่าอีกห้องจะกรีดร้องอย่างทรมานก็ตาม
7. Harlow’s Experiments In Isolation
Harlow เป็นโครงการทดลองเพื่อหาผลกระทบในพัฒนาการของเด็ก โดยจับลิงมาทำการทดลอง (ลิงอีกแล้วหรอ) โดยพวกมันจะถูกขังอยู่ในกรงแคบๆ และทิ้งไว้เพียงขวดน้ำหนึ่งขวดเท่านั้น โดยเป้าหมายของการทดลองครั้งนี้คือศึกษาผลกระทบของ ความโดดเดี่ยวที่มีต่อความความเครียดและพัฒนาการของเด็ก ผลที่ออกมาคือ เจ้าลิงเหล่านี้ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด และมีปัญหาทางด้านสุขภาพอย่างเห็นได้ชัด เช่น การขับถ่าย การย่อยอาหารเป็นต้น
8. Tuskegee Syphilis Experiment
เป็นการทดลององค์กรสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา โดยทำการทดลองฉีดเชื้อซิฟิลิสเข้าไปในตัวของเกษตรกรผิวสีเพื่อศึกษาผลกระทบของมัน ผลที่ได้คือ ทุกคนจะมีอาการเนื้อเปื่อยของผิวหนัง แล้วก็ตายไปในที่สุด และดูเหมือนว่ารัฐบาลสหรัฐจะละเลยในการดูแลพวกเกษตรกรผิวสีหลังจากที่ทำการทดลอง โดยโครงการนี้ทำการทดลองมายาวนาน 40 ปีเลยทีเดียว
9. Project 4.1
เป็นการทดลองการศึกษาทางการแพทย์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยนำผู้ถูกทดลองไปปล่อยบนเกาะมาร์แชล ซึ่งเกาะที่ถูกสารกัมมันตภาพรังสีจากเหตุการณ์ แคสเซิลบราโว คือการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในปี 1954 เกิดผิดพลาดเพราะการระเบิดแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเกาะนี้ยังเต็มไปด้วยสารกัมมันตภาพรังสี ผู้ถูกทดลองจะได้รับสารกัมมันตภาพรังสีอย่างต่อเนื่อง โดยในเวลาต่อมาผู้ถูกทดลองได้รับผลกระทบจากสารกัมมันตภาพรังสี ทั้งแท้งลูก มะเร็งต่อมไทรอยด์ และยังส่งผลไปถึงลูกที่เกิดมาผิดปกติอีกด้วย
10. The Aversion Project
การทดลองของหน่วยงานในแอฟริกาใต้ โดยการบังคับทหารผิวขาวที่เป็นรักร่วมเพศ ทั้งเกย์และเลสเบี้ยน มาเปลี่ยนเพศกันซะเลย ซึ่งจะใช้สารเคมีที่ทำให้หมดอารมณ์ทางเพศและเป็นหมัน การใช้ไฟฟ้าช็อต เปลี่ยนฮอร์โมน และอีกสารพัดวิธี ในภายหลังคนที่ถูกทดลองกลายเป็นคนมีอาการทางจิต ติดยา และเกลียดแม้กระทั่งอาการเบี่ยงเบนทางเพศของตัวเอง
ที่มา: online-station