วิทยาศาสตร์น่ารู้ ในชีวิตประจําวัน เรื่องวิทยาศาสตร์น่ารู้สั้นๆ

วิทยาศาสตร์น่ารู้ ในชีวิตประจําวัน เรื่องวิทยาศาสตร์น่ารู้สั้นๆ

ภูเขาน้ำแข็งประหลาด ที่มีทรงเหลี่ยมเป๊ะ

ย้อนกลับไปในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2017 ได้เกิดเหตุการณ์รอยแตกขนาดใหญ่ในหิ้งน้ำแข็งที่ชื่อว่า Larsen C ในทวีปแอนตาร์กติกา ส่งผลให้เกิดภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาแยกส่วนออกมา โดยมีขนาดใหญ่กว่า 5,800 ตารางกิโลเมตร (ถ้าเทียบกับจังหวัดในประเทศไทยถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าจังหวัดสุพรรณบุรีเล็กน้อย)

และล่าสุด ทางทีมนักวิทยาศาสตร์ของนาซ่าได้พบว่า มีภูเขาน้ำแข็งรูปทรงที่น่าประหลาดปรากฏขึ้น หลังจากที่พวกเขาบินสำรวจอยู่เหนือทวีปแอนตาร์ติกา ซึ่งทางนาซ่าเชื่อว่า ภูเขาน้ำแข็งประหลาดนี้ น่าจะแตกออกมาจากหิ้งน้ำแข็ง Larsen C เช่นเดียวกัน

ภาพถ่ายนี้ถูกถ่ายระหว่างการบินที่เรียกว่า IceBridge Flight หรือเป็นการสำรวจพื้นที่ขั้วโลกทางอากาศของทางนาซ่าเพื่อนำไปจัดทำเป็นภาพ 3 มิติทั้งในพื้นที่เขตอาร์กติก (ขั้วโลกเหนือ) และแอนตาร์กติก (ขั้วโลกใต้) เพื่อเก็บบันทึกเป็นข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของหิ้งน้ำแข็งเหล่านี้เมื่อเวลาผ่านไป

ภูเขาน้ำแข็งดังกล่าวมีขนาดพื้นที่ราว 1 ไมล์ โดยมีเหลี่ยมมุมที่ดูแล้วพอดิบพอดีราวกับมีใครมาตัดแบ่งเอาไว้ ส่วนพื้นที่ด้านบนก็เรียบเนียนอย่างไม่น่าเชื่อ

สำหรับภูเขาน้ำแข็งในลักษณะนี้มีชื่อเรียกว่า Tabular Iceberg หรือ “ภูเขาน้ำแข็งยอดราบ” ซึ่งภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้อาจมีขนาดเล็กได้ตั้งแต่ 100 เมตร จนไปถึงขนาดใหญ่หลายร้อยกิโลเมตร และอาจมีพื้นที่กว้างใหญ่ได้ถึง 10,000 ตารางกิโลเมตร

นาซ่ากล่าวว่า ลักษณะของ “เหลี่ยมมุม” ที่ชัดเจนและพื้นผิวที่ราบเรียบของภูเขาน้ำแข็งลูกนี้บ่งชี้ได้ว่า มันอาจเพิ่งแตกออกมาจากหิ้งน้ำแข็งก็เป็นได้

เคลลี บรันท์ หนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ของนาซ่าได้ให้สัมภาษณ์กับทางนิตยสาร LiveScience ว่า “ภูเขาน้ำแข็งยอดราบมักจะแตกออกมาเป็นเหลี่ยมมุม แต่สำหรับภูเขาน้ำแข็งก้อนนี้มันต่างจากปกติก็คือ มันดูเกือบเหมือนรูปทรงสี่เหลี่ยมมากๆ”

นอกจากนั้น ในบริเวณใกล้เคียงกัน ก็มีภูเขาน้ำแข็งยอดราบอีกก้อนที่แตกออกมาเป็นรูปสามเหลี่ยม จนมันถูกเรียกว่าเป็น Pizzaberg หรือภูเขาน้ำแข็งพิซซ่าอีกด้วย

ส่วนภาพนี้เป็นภูเขาน้ำแข็งยอดราบอีกหนึ่งก้อน ที่มีลักษณะคล้ายทรงสี่เหลี่ยม ถึงจะดูไม่เนียนเป๊ะเท่าก้อนแรก แต่มันก็น่าทึ่อยู่ดี

ถึงแม้นี่จะเป็นเรื่องแปลกสำหรับเราๆ ที่น่าพิศวง แต่ในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์เองก็ยังคงมีคำอธิบายสำหรับเรื่องที่ดูเหมือนจะเหนือธรรมชาติเหล่านี้เสมอ

ที่มา : dailymail

Tags

แชร์:

เรื่องอื่นๆ