เปลี่ยนทรายเป็นดิน
Desert Control บริษัทสตาร์ตอัปสัญชาตินอร์เวย์อ้างว่า พวกเขาสามารถต่อสู้กับ ‘การกลายสภาพเป็นทะเลทราย’ ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการฉีดพ่นทรายด้วย Liquid NanoClay (LNC) และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดินภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ในอดีตที่ผ่านมา มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่เสียสละตนเองด้วยการใช้ชีวิตทุ่มเทเปลี่ยนพื้นที่ทะเลทรายให้กลายเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งนั่นอาจใช้เวลานานหลายปี แต่ตอนนี้ Desert Control มีวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ามากเมื่อต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เป็นทะเลทรายเช่นเดียวกัน
Liquid NanoClay หรือ LNC ถูกคิดค้นขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 2000 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวนอร์เวย์ คริสเตียน โอลเซน ซึ่งถือเป็นความลับเบื้องหลังความสำเร็จอันน่าทึ่งของพวกเขา เพราะเมื่อทำการฉีดพ่น LNC ลงบนทราย มันจะค่อย ๆ แทรกซึมลงไปและทำให้ทรายกลายเป็นดินที่สามารถเก็บกักน้ำ จนทำให้พืชพันธุ์ต่าง ๆ สามารถเจริญงอกงามได้
อย่างที่เราทราบกันดีว่า พื้นทรายหรือดินทราย ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ใด ๆ เนื่องจากมันมีช่องว่างระหว่างกันมากจนไม่สามารถอุ้มน้ำได้ เมื่อเกิดฝนตก น้ำก็จะไหลผ่านลงไปอย่างรวดเร็ว และทรายเหล่านี้ก็ไม่ดูดซับธาตุอาหารอีกด้วย
ซึ่งทาง Desert Control สามารถเอาชนะอุปสรรคนี้ด้วยการทำให้สเปรย์อนุภาคดิน LNC ที่มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถึงแม้จะฟังดูแฟนตาซี แต่สเปรย์ของพวกเขาทำมาจากแค่น้ำและดินเหนียวเท่านั้น
ความลับของพวกเขาคือความสามารถเปลี่ยนดินเหนียวให้กลายเป็นของเหลวจน ‘เบาบางเกือบเท่านั้น’ แล้วพ่นลงบนทราย เพื่อให้มันซึมผ่านชั้นบนสุดลงไปหลายสิบเซนติเมตร
จากนั้น ดินเหนียวจะเกาะกับอนุภาคทรายและก่อตัวเป็นดินที่เก็บความชื้นได้ ถึงแม้มันจะไม่อุดมสมบูรณ์เท่ากับดินดำ แต่มันก็๋สามารถทำให้พืชพันธุ์รอดชีวิตได้อย่างแน่นอน
ขณะนี้ Desert Control มีเป้าหมายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศที่ร่ำรวยแห่งนี้นำเข้าอาหารประมาณ 90% เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกบนสภาพแวดล้อมที่เป็นทะเลทรายได้ และการฉีดพ่น LNC จะเป็นทางออกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเปลี่ยนพื้นที่ทะลเทรายให้กับเป็นดิน แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดด้านราคาอยู่
CNN รายงานว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับสเปรย์ LNC ตกอยู่ที่ประมาณ 2-5 เหรียญ (ประมาณ 76-190 บาท) ต่อตารางเมตร ซึ่งมันไม่ถูกเลยเมื่อพิจารณาจากพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่ต้องใช้การฟื้นฟูด้วย LNC
อย่างไรก็ตาม Desert Control วางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิต LNC ในปริมาณมาก เพื่อให้พวกเขาสามารถลดต้นทุนในการผลิตได้
อิสมาฮาเน เอลูอาฟี ผู้อำนวยการทั่วไปของศูนย์การเกษตรนานาชาติของดูไบ กล่าวว่า “ถ้ามันมีราคาถูกลงก็จะทำให้ประเทศที่มีรายได้ต่ำสามารถเข้าถึงได้ และก็อาจส่งผลอย่างมหาศาลต่อความมั่นคงด้านอาหารและความสามารถในการผลิตอาหารของหลาย ๆ ประเทศที่สามารถเพาะปลูกได้ด้วยตัวเอง มันจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก”
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ ผลของการฉีดพ่น LNC จะคงอยู่ได้ประมาณ 5 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นพื้นที่ดังกล่าวจะต้องได้รับการฉีดพ่นเพิ่มเติม เพราะมันไม่ได้คงอยู่ถาวร ซึ่งนั่นหมายความว่า มันคือค่าใช้จ่ายที่ต้องเกิดขึ้นตลอดไป
แต่ก็อาจคุ้มค่ากับผลพลอยได้จากการเพาะปลูก ที่เปลี่ยนจากพื้นที่ไร้ประโยชน์ให้กลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมได้
ที่มา : Desert Control